ลงทะเบียน สินเชื่อรถแลกเงิน

ดอกเบี้ยต่ำ ดอกเบี้ยต่ำ   อนุมัติง่าย อนุมัติง่าย   ได้วงเงินเต็ม ได้วงเงินเต็ม

อนุมัติไว ให้วงเงินสูงสุด 100% ของราคาประเมินและเงื่อนไขของทางบริษัท อนุมัติไวรู้ผลภายใน 24 ชั่วโมง และรับเงินไวภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากทำการโอนทรัพย์ สามารถกู้ได้ทุกอาชีพ

ลงทะเบียน สินเชื่อรถแลกเงิน

ดูแลรถยนต์อย่างไรในสถานการณ์ฝนตกน้ำท่วม

ด้วยสถานการณ์สภาพอากาศบ้านเราในตอนนี้มีพายุเข้า ทำให้ฝนตกหนัก เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ วันนี้ iLease มีวิธีดูแลรถยนต์คู่ใจของเราในสถานการณ์ฝนตกน้ำท่วมแบบนี้มาฝากเพื่อนๆ กันค่ะ

เนื่องด้วยประเทศไทยของเราตอนนี้ยังคงมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ และทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมหลายแห่ง ในบางพื้นที่เกิดน้ำท่วมหนักไม่สามารถใช้รถใช้ถนนได้ แต่ในบางพื้นที่ผู้คนยังคงสามารถใช้รถสันจรไปมาได้ และสิ่งที่สำคัญคือ เราจะใช้และดูแลรถคู่ใจของเราอย่างไรให้ปลอดภัยในขณะที่มีภาวะน้ำท่วมแบบนี้ได้มาดูกันเลย

เตรียมสภาพรถก่อนการใช้งาน

ผู้ขับขี่ควรตรวจสอบระบบสัญญาณไฟให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ดี หากโคมแก้วเปื้อนให้เช็ดทำความสะอาดเพื่อให้ความสว่างเพิ่มขึ้น  รวมถึงตรวจสอบอุปกรณ์ใบปัดน้ำฝนให้สามารถปัดกวาดน้ำฝนได้สะอาด ไม่มีรอยฝ้าหรือรอยขูดขีดบนกระจก และเตรียมผ้าแห้งไว้เช็ดฝ้าที่ติดอยู่กระจกภายในรถ รวมถึงหมั่นเติมน้ำในกระปุกฉีดน้ำอยู่เสมอ

เลือกใช้ยางรถยนต์ที่มีดอกยางละเอียด เติมลมยางให้มีแรงดันลมมากกว่าปกติ 2-3 ปอนด์/ตารางนิ้ว เพื่อให้หน้ายางแข็ง ซึ่งจะช่วยให้ยางมีกำลังในการรีดน้ำดียิ่งขึ้น ตลอดจนตรวจสอบผ้าเบรกให้สามารถใช้งานได้ดีในสภาพถนนเปียกลื่น หากเบรกแล้วรถมีอาการปัดให้จัดการเปลี่ยนผ้าเบรกใหม่

ข้อควรปฎิบัติเมื่อต้องขับรถลุยน้ำ

1. เปิดไฟหน้า

ไฟหน้าช่วยเพิ่มทัศนวิสัยให้ทั้งตัวคุณ และผู้ขับขี่รถคันอื่นได้มองเห็นในสภาพแสงน้อย ไม่ควรใช้ไฟฉุกเฉิน ยกเว้นเมื่อจอดรถ และต้องการให้รถคันอื่นหลบเลี่ยง ถ้ารถมีไฟตัดหมอก ควรเปิดใช้งาน

2. รักษาความเร็วที่สามารถควบคุมได้

เมื่อต้องขับขี่บนถนนเปีย-กลื่น ต้องแน่ใจว่าสามารถหยุดรถได้ในระยะที่มองเห็น การลดความเร็วจะช่วยลดความเสี่ยงต่ออาการรถลอยตัวหรือเหินน้ำ

3. ปิดแอร์รถยนต์

การปิดแอร์จะทำให้พัดลมแอร์ทำงาน ซึ่งมันจะพัดน้ำที่อยู่บนถนนกระจายไปทั่วห้องเครื่องทำให้เครื่องยนต์ดับได้

4. ใช้เกียร์ต่ำ

เกียร์ธรรมดา ควรใช้ประมาณเกียร์ 2 ส่วนเกียร์ออโต้ก็ใช้เกียร์ L และขับขี่ด้วยความเร็วต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยใช้ความเร็วสม่ำเสมอ เลี้ยงรอบให้นิ่งที่สุดประมาณ 1,500 รอบต่อนาที่

5. อย่าเร่งเครื่อง

เพราะการเร่งเครื่องจะทำให้รถมีความร้อนสูงขึ้น ใบพัดระบายความร้อนจะทำงาน คลื่นน้ำที่ถูกดันไปข้างหน้าก็อาจทะลักกลับมายังห้องเครื่องได้

6. ลดความเร็วลง

โดยเฉพาะเส้นทางที่มีรถสวน หากไม่ลดความเร็วจะทำให้เกิดคลื่นน้ำปะทะกัน ระหว่างรถของเราและรถที่วิ่งสวนมา อาจทำให้น้ำกระเด็นไปทำอันตรายต่ออุปกรณ์ภายในได้

7. ไม่ควรดับเครื่องยนต์ทันทีเมื่อถึงที่หมาย

ให้จอดทิ้งไว้สักครู่เพื่อให้น้ำที่อาจค้างอยู่ในหม้อพักไอเสียระเหยออกให้หมด

8. ย้ำเบรกไล่น้ำ

สำหรับรถเกียร์ออโต้ ให้ย้ำเบรกเพื่อไล่น้ำออกจากระบบเบรก ส่วนรถเกียร์ธรรมดา ให้ย้ำคลัตช์ เพื่อป้องกันคลัตช์ลื่น

หากน้ำเข้ารถหลังการขับรถลุยน้ำ ต้องทำอย่างไร ?

1.โทรแจ้งประกันภัย

เป็นสิ่งแรกที่ควรทำ เพื่อตรวจสอบกับทางบริษัทประกันว่า กรมธรรม์ที่มีอยู่นั้นคุ้มครองกรณีนี้ด้วยหรือไม่ เนื่องจากประกันแต่ละชั้นก็มีความคุ้มครองที่ครอบคลุมแตกต่างกันไป

2.ไม่ดับเครื่องทันที

หลังจากขับรถลุยน้ำท่วมจนมาถึงจุดหมายแล้ว ไม่ควรดับเครื่องยนต์ทันที เพราะอาจทำให้น้ำที่ค้างอยู่ที่ท่อไอเสียย้อนกลับเข้าไปได้ และความชื้นที่ยังมีอยู่อาจทำให้เครื่องยนต์เกิดความเสียหายได้ ควรจะจอดรถทิ้งไว้สักครู่ เพื่อให้น้ำที่อาจตกค้างอยู่ในหม้อพักท่อไอเสียระเหยออกมาให้หมดเสียก่อน

3.ตรวจสอบการทำงานของเครื่องยนต์

หากพบว่าเครื่องยนต์มีอาการผิดปกติ เช่น กระตุก เร่งเครื่องไม่ขึ้น หรือเสียงดังกว่าปกติ ควรจะจอดรถแล้วตรวจสอบทันที โดยให้ดูก้านวัดระดับน้ำมันเครื่อง หากพบว่ามีสีขุ่นผิดปกติเหมือนกาแฟใส่นม แสดงว่ามีน้ำเข้าไปในเครื่องยนต์ จากนั้นให้ตรวจสอบกรองอากาศ หากน้ำเข้าทางนี้ กรองอากาศและท่อไอดีจะเปียก ควรจะนำรถยนต์ส่งอู่ซ่อมเพื่อให้ช่างตรวจสอบและทำการแก้ไขให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายหนักขึ้น

4.ตรวจสอบภายในห้องโดยสาร

ให้สังเกตที่พรมปูพื้น หากพบว่าด้านใต้พรมมีน้ำแฉะ ให้รีบนำพรมออกตากแดด ควรดูดหรือเช็ดออกให้แห้งทันที ไม่ควรทิ้งให้น้ำขังอยู่ภายในรถ เปิดประตูรถทั้งสี่ด้านเพื่อระบายอากาศ ไล่ความชื้นในห้องโดยสาร โดยในรถยนต์บางรุ่น จะมีโมดูลควบคุมถุงลมนิรภัยอยู่ที่ใต้เบาะคนขับ ควรดูแลไม่ให้มีความชื้นด้วยเช่นกัน

5.ตรวจสอบระบบอีเล็กทรอนิกส์และไฟฟ้า

ตรวจสอบภายในกล่องฟิวส์ว่ามีความเสียหายหรือไม่ หากมีความเสียหายที่ฟิวส์ใดก็ควรเปลี่ยนทันที โดยอ้างอิงจากที่ฝากล่องฟิวส์รถยนต์ และดูกล่องอีซียูหากพบว่าเปียกน้ำ ให้รีบเช็ดให้แห้ง รวมไปถึงตรวจสอบไฟต่าง ๆ ภายนอกรถ หากอยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ ควรถอดขั้วต่อแบตเตอรี่ออก เพื่อให้ช่างได้ทำการตรวจสอบและประเมินความเสียหาย

6.ตรวจสอบการใช้งานของเบรก

ด้วยการเหยียบเบรกสัก 2-3 ครั้ง ก่อนที่จะขับรถต่อไป เพื่อช่วยให้ผ้าเบรกกับจานเบรกหรือดรัมเบรกอยู่ในสภาพปกติ  โดยรถเกียร์ออโต้  ควรย้ำเบรกเพื่อไล่น้ำออกจากระบบเบรก  ส่วนรถเกียร์ธรรมดา  ควรย้ำคลัตช์ เพื่อป้องกันคลัตช์ลื่น และไม่ควรขับรถเร็วเกินไป เพื่อความปลอดภัย

7.ถอดขั้วแบตเตอรี่รถยนต์ออก

เนื่องจากน้ำที่ท่วมรถยนต์อาจจะทำให้ระบบไฟภายในรถเกิดการลัดวงจรได้ ดังนั้นก่อนที่น้ำจะเข้ารถ และถูกน้ำท่วมจนไม่สามารถนำรถออกไปได้ ก็ควรที่จะถอดขั้วแบตออกให้หมด

8.เปลี่ยนของเหลวในห้องเครื่องทั้งหมด

หลังรถโดนน้ำท่วม ควรจะนำรถไปเข้าอู่หรือศูนย์บริการ เพื่อทำการเปลี่ยนของเหลวภายในเครื่องให้ใหม่ทั้งหมด เนื่องจากน้ำที่เข้าไปสู่ระบบเครื่องยนต์ อาจจะทำให้ระบบเครื่องยนต์ต่าง ๆ เกิดความเสียหายได้

ลงทะเบียน สินเชื่อรถแลกเงิน

ดอกเบี้ยต่ำ ดอกเบี้ยต่ำ   อนุมัติง่าย อนุมัติง่าย   ได้วงเงินเต็ม ได้วงเงินเต็ม

อนุมัติไว ให้วงเงินสูงสุด 100% ของราคาประเมินและเงื่อนไขของทางบริษัท อนุมัติไวรู้ผลภายใน 24 ชั่วโมง และรับเงินไวภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากทำการโอนทรัพย์ สามารถกู้ได้ทุกอาชีพ

ลงทะเบียน สินเชื่อรถแลกเงิน