ควรเปลี่ยนยางรถยนต์เมื่อไหร่กันนะ

ยางรถยนต์ก็ถือเป็นหนึ่งในส่วนประกอบที่สำคัญของรถยนต์ของเรา ยางรถยนต์ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันต่างก็มีอายุการใช้งานของมัน เนื่องจากการใช้งานที่หนักหน่วงอยู่ตลอด เราจึงต้องหมั่นตรวจเช็คยางรถของเราอยู่สม่ำเสมอ ยางรถยนต์มีอายุการใช้งานกี่ปี เราควรเปลี่ยนยางรถยนต์ตอนไหน ที่นี่มีคำตอบให้คุณ

อายุการใช้งานของยางรถยนต์

ยางใหม่จะมีอายุการใช้งานโดยประมาณ 40,000 กิโลเมตร ปัจจุบันในประเทศไทยจะมีคำแนะนำการเปลี่ยนยางเมื่อเดินทางได้ 50,000 กิโลเมตร หรือมีอายุการใช้งาน 3-5 ปี หรือขึ้นอยู่กับการใช้งาน ถ้าใช้งานอย่างหนักหน่วงก็อาจจะัได้เปลี่ยนก่อนกำหนด

จะเปลี่ยนยางรถยนต์ได้เมื่อไหร่

วิธีสังเกตเพื่อเช็คยางรถยนต์ มีดังนี้

1. ระยะเบรคยาวไกลกว่าปกติ ยางรถยนต์เมื่อใช้งานไปเรื่อย ๆ ดอกยางจะค่อย ๆ ตื้นลง ส่งผลโดยตรงต่อระยะเบรคที่ยาวขึ้น โดยเฉพาะบนถนนเปียก ความลึกของดอกยางที่ดี ต้องไม่น้อยกว่า 3 มม. (ความลึกดอกยางใหม่ประมาณ 8-9 มม.)

2. ยางลื่นเมื่อขับบนถนนเปียก ความลึกของดอกยาง ยังส่งผลโดยตรงต่อการรีดน้ำบนถนนเปียก ทำให้มีผลต่อการยึดเกาะถนน หรือที่เรียกว่า อาการเหินน้ำ ทำให้รถเสียการทรงตัวได้ระหว่างขับขี่

3. เสียงยางดังมากกว่าปกติเวลาวิ่ง วิธีการนี้ต้องบอกก่อนเลยว่า เป็นความคุ้นชินของแต่ละบุคคลจริง ๆ ซึ่งผู้ที่ใช้รถคนเดิมอยู่เป็นประจำ จะเป็นผู้ที่สังเกตได้จากการใช้งานประจำวัน ซึ่งหากได้ทำการตรวจสอบแล้ว จะพบได้ว่า เนื้อยางเริ่มตาย หรือสะพานยางเริ่มตื้นขึ้นมาจนเกือบจะถึงเกณฑ์ที่ต้องเปลี่ยนแล้วนั่นเอง

4. โครงสร้างยางชำรุด ความชำรุดที่ส่งผลถึงโครงสร้างยาง ที่ควรเปลี่ยนทันที คือ ถูกของมีคมบาดเป็นแผลใหญ่บริเวณแก้มยาง ปีนขอบทางอย่างแรงจนแก้มยางชำรุด หรือขับ “บดยาง” ทั้งที่ยางแบนโดยไม่มีลมยาง

5. การใช้งานที่มากหรือนานเกินไป ควรใช้ยางไม่เกิน 6 ปี นับตั้งแต่วันที่ผลิต (ดูที่ตัวเลขด้านข้างของยาง เช่น 2022 หมายถึง สัปดาห์ที่ 20 ปี 2022) ระยะเวลานี้ไม่ถือว่านานมาก สำหรับยางที่มีคุณภาพสูงพอ และได้มาตรฐาน แต่ในปัจจุบันยางที่เกรดดีๆ ก็สามารถใช้ได้นานตั้งแต่ 6-10 ปี กันเลยทีเดียวสำหรับกรณีที่เราไม่ละเลยการดูแล หรือไม่ใช้งานที่สมบุกสมบันจนเกินไปนั่นเอง

6. แก้มยางแตกหรือแยกส่วนออกจากกัน แม้แก้มยางจะไม่ใช่ส่วนที่สัมผัสกับพื้นผิวถนนโดยตรงเหมือนกับหน้ายาง แต่ถ้าสังเกตเห็นว่าแก้มยางมีรอยแตก ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ยางเกิดการระเบิด หรือยางแตกขณะขับรถด้วยความเร็วสูง ซึ่งอาจเกิดอุบัติเหตุตามมาได้ จึงควรเช็คยางรถยนต์ในส่วนนั้นให้ดี

7. ยางบวม การบวมของยางมักเกิดขึ้นบริเวณแก้มยาง สาเหตุที่ทำให้ยางรถยนต์บวม มาจากการขับรถตกหลุม หรือขับบนพื้นผิวถนนที่มีความขรุขระ หรือการที่ยางมีความเสียดสีอย่างรุนแรง หรืออาจรวมไปถึงข้อบกพร่องที่เกิดจากกระบวนการผลิต ที่ส่งผลให้โครงสร้างของยางรถไม่แข็งแรงในจุดที่เกิดการบวม

8. ตำแหน่งการรั่วของยาง เมื่อเกิดการรั่ว คนส่วนใหญ่มักจะใช้วิธีปะยางแทนการเปลี่ยนยางทั้งเส้น เพราะการปะยางนั้นมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าการเปลี่ยนยางทั้งเส้น แต่ผู้ใช้รถควรต้องรู้ว่า การปะยางไม่ควรทำบริเวณแก้มหรือขอบยางเพราะไม่ได้ช่วยอะไร และอาจเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุได้

ปัจจัยที่ทำให้ยางรถยนต์เสื่อมอายุ

1. ยางรถยนต์เสื่อมตามอายุการใช้งาน เมื่อมีการใช้งานยางรถยนต์ไปนาน ๆ ยางรถยนต์จะเกิดการเสื่อมตามสภาพไปตามเวลาการใช้งาน ผู้ใช้รถจึงควรตรวจเช็คยางรถยนต์อย่างน้อยปีละครั้ง เพราะหากเจอปัญหาจะได้แก้ไขและเปลี่ยนยางรถยนตได้อย่างทันท่วงที

2. ยางรถยนต์เสื่อมตามสภาพอากาศ อุณหภูมิของอากาศก็ส่งผลต่อคุณภาพของยางเช่นกัน อุณหภูมิที่ต่ำหรือสูงเกินไปมักมีผลต่อการเสื่อมของยางรถยนต์ได้ เช่น ในประเทศไทยการขับรถ หรือจอดรถท่ามกลางแดดที่มีอุณหภูมิสูง ก็อาจถือเป็นปัจจัยที่ทำให้ยางรถเสื่อมสภาพได้เร็วขึ้นเช่นกัน

3. ยางรถยนต์เสื่อมตามสภาพถนน การขับรถบนพื้นผิวถนนขรุขระ เป็นหลุมเป็นบ่อ มีสิ่งกีดขวางพื้นถนน หรือขับรถผ่านลูกระนาด ความต่างระดับของถนนที่ไม่เท่ากัน แล้วไม่ยอมเบรก ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ยางเกิดการสึกหรอเร็วขึ้น และเสื่อมสภาพการใช้งานในที่สุด จึงควรเช็คยางรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการขับรถบนพื้นผิวถนนที่เป็นหลุมบ่อ หรือถนนที่มีความขรุขระ

4. ยางรถยนต์เสื่อมสภาพจากลักษณะการขับขี่ที่ไม่เหมาะสม การที่ยางเสื่อมสภาพนั้นก็เกิดจากพฤติกรรมการขับขี่ของผู้ใช้รถด้วย ผู้ใช้รถหลายคนมักมีพฤติกรรมการขับขี่รถที่ไม่ถนอมรถยนต์เท่าไหร่ เช่น การขับรถด้วยความเร็วสูง มีการออกตัวแรงและเบรกกะทันหัน ฯลฯ ลักษณะการขับขี่เช่นนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้ยางสึกหรอเร็วและลดอายุการใช้งานให้สั้นลงไปอีก และเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ นอกจากต้องเช็คยางรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ แล้วจึงควรขับรถอย่างทะนุถนอม ระมัดระวังด้วย

ก่อนจะออกเดินทาง ทุกคนอย่าลืมเช็คสภาพยางรถและลมยางของท่านทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยในระหว่างการเดินทางของท่าน