ผ่อนรถกี่ปีถึงซื้อบ้านได้ ? คำถามคาใจที่หลายคนอยากรู้

สำครับใครที่กำลังผ่อนรถอยู่ และอยากรู้ว่าต้องผ่อนไปนานเท่าไหร่แล้วถึงจะซื้อบ้านได้ ก็ต้องบอกตรงนี้เลยว่า เรื่องระยะเวลาการผ่อนไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่ธนาคารจะนำมาพิจารณา เพราะว่าธนาคารหรือผู้ที่ให้เรากู้เงินนั้น จะตรวจสอบก่อนที่จะให้เรากู้ว่า เราติดผ่อนอะไรอยู่บ้าง ผ่อนรถอยู่เท่าไหร่ รายได้มีเท่าไหร่ มีความสามารถที่จะชำระค่างวดได้ไหม ซึ่งจะมีสูตรคำนวณ แต่ละธนาคารก็อาจจะแตกต่างกันไป แต่สูตรคร่าว ๆ ก็คือ รายได้หลังจากที่หักค่าใช้จ่ายทั้งหมด ต่อเดือนจะเหลือเท่าไหร่ ตรงนี้แหละ ธนาคารเขาก็จะเอาไปเปรียบเทียบกับค่างวด ว่าเพียงพอไหม เหลือกี่เปอร์เซนต์

เพราะฉะนั้นประเด็นหลัก ๆ คือเรื่องรายได้ของเรา รายได้เราจะต้องมากพอ จึงจะสามารถผ่อนรถ แล้วยื่นกู้บ้านผ่านได้ (อาจจะลองสอบถามเจ้าหน้าที่ว่าหลังจากที่คำนวณดูแล้ว รายได้เราขาดอยู่เท่าไหร่ กรณีที่กู้ไม่ผ่าน)

ยื่นกู้ร่วม มีบ้านใหม่ ผ่านได้แน่นอน

มีอีกวิธีหนึ่ง สำหรับคนที่กู้ไม่ผ่าน เราอาจจะต้องช่วยกันกู้ร่วมกับคู่สมรสของเรา ทางธนาคารก็จะเอารายได้ของผู้ที่กู้ร่วมมารวมกัน แล้วคำนวณใหม่ วิธีนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถช่วยให้เรายื่นกู้บ้านให้ผ่านได้ แต่ถ้าลองยื่นกู้ร่วมแล้วยังไม่ผ่านอีก ก็อาจจะต้องรอให้ผ่อนรถให้หมดก่อน หรือสอบถามกับทางธนาคารว่าเราสามารถกู้ได้กี่เปอร์เซนต์ และถ้าหากเรามีเงินส่วนต่าง (เงินดาวน์) ก็อาจจะช่วยให้เรากู้ผ่านได้ เพราะว่าไม่ได้กู้เต็มวงเงินราคาบ้านเป็นต้น

ซื้อรถหรือซื้อบ้านก่อนดี ?

สำหรับใครที่ยังไม่ได้ซื้อรถ แต่ว่ากำลังมอง ๆ อยู่ว่า อยากจะได้รถและอยากได้บ้าน (ซึ่งมันก็เป็นความฝันของหลาย ๆ คนเลยแหละ ที่อยากจะมีรถมีบ้าน) แล้วจะซื้อบ้านก่อน หรือซื้อรถก่อนดี

จากหัวข้อก่อนหน้านี้ จะเห็นว่าถ้าเราซื้อรถก่อน เมื่อจะซื้อบ้าน ทางธนาคารที่ประเมิลความสามารถในการผ่อนชำระ เขาจะเอาหนี้ในส่วนของการผ่อนรถมาคำนวณด้วย ทำให้เมื่อเราซื้อบ้าน ค่อนข้างที่จะผ่านยาก ถ้าหากว่ารายได้เราไม่ได้สูงพอ

แต่ถ้าเราซื้อบ้านก่อน แล้วค่อยไปกู้ซื้อรถ เขาจะไม่เอาหนี้ส่วนที่เรากู้บ้านไปคำนวณ ทำให้กู้ผ่านง่ายกว่า (กู้ซื้อรถง่ายกว่ากู้ซื้อบ้าน) เพราะฉะนั้นจึงแนะนำว่าควรจะซื้อบ้านก่อน แล้วค่อยวางแผนซื้อรถครับ