ยางรถยนต์บวม ปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม

อาการยางรถยนต์บวม ถือเป็นเรื่องผิดปกติที่ไม่ควรปล่อยเฉย เพราะยางรถยนต์เป็นอุปกรณ์สำคัญในการขับขี่ที่มีผลต่อความปลอยภัยของผู้ใช้รถเป็นอย่างมาก หากปล่อยผ่านอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ จนทำให้เกิดอุบัติเหตุ และอาจทำให้เสียชีวิตได้

อาการยางรถยนต์บวม เป็นอาการที่เกิดความผิดปกติกับยางรถยนต์ ทำให้เกิดการบวมปูดขึ้นมา จริงๆ แล้วอาการยางบวมสามารถเกิดขึ้นได้จากทั้งแก้มยาง และหน้ายาง แต่ที่เเกิดขึ้นบ่อย ๆ มักจะเกิดขึ้นที่แก้มยาง เนื่องจากตรงส่วนนี้จะมีชั้นเส้นใยโลหะน้อย และมีความยืดหยุ่นมากกว่าส่วนอื่นๆ นั่นเองค่ะ

สาเหตุที่ยางรถยนต์บวม

1.เกิดจากแรงกระแทกอย่างรุนแรง เมื่อเราขับรถด้วยความเร็วแล้วตกหลุมลึก หรือตกหลุมอย่างแรง หรือขึ้นลูกระนาดที่มีความสูงหน่อยอย่างรวดเร็ว จะทำให้โครงสร้างภายในของยางบิดตัว เส้นใยขาด และหากรถเคลื่อนที่ ความร้อนจากภายในล้อและแรงดันลมยางมากขึ้นอาจทำให้ยางรถยนต์ระเบิดได้

บางคนอาจไม่เข้าใจอาการบวมจากการตกหลุมเป็นแบบไหน เพราะทุกวันนี้ก็มีบ้างที่ขับตกหลุมบ่อย ๆ ซึ่งแท้จริงแล้ว การตกหลุมที่รุนแรงมาก ๆ จะทำให้โครงสร้างภายในได้รับความเสียหาย และยางเกิดการบิดตัวขึ้น แต่ถ้าเป็นการตกหลุมธรรมดา หรือตกหลุมแบบปกติ ยางรถยนต์แต่ละยี่ห้อต่างผลิตออกมาให้มีความคงทนอยู่ในระดับหนึ่ง และมีความแข็งแรงตามมาตรฐานอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลมากนักหากต้องขับผ่านหลุมบ่อย ๆ

2.ยางรถยนต์มีอายุการใช้งานนานเกินไป อายุการใช้งานของยางรถยนต์เฉลี่ยอยู่ที่ 30,000 – 40,000 กิโลเมตร หรือประมาณ 2 – 3 ปี โดยเราสามารถเช็คว่าสภาพยางเราเสื่อมแล้วหรือไม่ สามารถทำได้โดยการเช็คยางรถยนต์ว่าสึกจนดอกยางอยู่ในระดับเดียวกับสะพานยางหรือไม่ หรือขับรถแล้วรถมีอาการสั่น นั่นคือสัญญาณบอกว่ายางรถยนต์ของคุณเสื่อมแล้วควรรีบนำไปเปลี่ยนทันที

3.การเติมลมยางมากเกินไป หรือเติมลมยางอ่อนเกินไป ก็สามารถส่งผลทำให้ยางรถยนต์บวมได้เช่นกัน อย่างการเติมลมยางอ่อนจนเกินไป แก้มยางจะบิดตัวจนทำให้เกิดความร้อน เสี่ยงต่อการทำให้ยางรถยนต์ระเบิดได้ และหากเติมลมยางมากเกินไป เมื่อเราขับมาด้วยความเร็วตกหลุม แรงกระแทกอาจทำให้ยางระเบิดได้เช่นกันค่ะ

หากยางรถยนต์เกิดการบวมหรือปูดขึ้นมา ควรที่จะรีบเปลี่ยนใหม่ทันทีอย่าฝืนขับใช้งานต่อไป เพราะจะทำให้รถเกิดอาการแกว่ง ส่ายไปมาสูญเสียการทรงตัว และสุดท้ายอาจทำให้ยางรถยนต์ระเบิด จนอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้